head ads

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

มี.ค.ส่งออกยานยนต์โต11% ตลาดยุโรปขยายตัวสูงสุด

วันอังคาร ที่ 07 พฤษภาคม พ.ศ. 2556, 20.00 น.

ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า
7 พ.ค.56 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจ เดือน มี.ค. และแนวโน้มปี 56 ต่อ ครม.ว่า แม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 4.5-5.5% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.5-3.5% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 0.9%ของจีดีพี

การส่งออกในเดือน มี.ค.มีมูลค่า 2.04 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 4.2% เทียบกับเดือน ก.พ.ที่หดตัว 4.6% ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปี 56 มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.5% เทียบกับเป้าหมายการส่งอออกทั้งปีที่กำหนดไว้ที่ 9%

ในเดือนมี.ค.สินค้าส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี ได้แก่ ยานยนต์ขยายตัว 11% เครื่องใช้ไฟฟ้าขยายตัว 11.2% สินค้าการส่งออกที่หดตัว ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์หดตัว 11.3% สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มหดตัว 3.7% ยางพาราหดตัว 11.1% สินค้าประมงหดตัว 22.1% สินค้าเกษตรแปรรูปหดตัว 0.9% และทองคำหดตัว 36.9%

ส่วนตลาดส่งออกสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ สหภาพยุโรปขยายตัว 15% ตลาดอาเซียนขยายตัว 5.5% ออสเตรเลียขยายตัว 39.9% ขณะที่ตลาดสหรัฐการส่งออกหดตัว 4.7% และการส่งออกไปตลาดญี่ปุ่นหดตัว 0.9%

ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมพบว่ามีการขยายตัวแต่ขยายตัวในเกณฑ์ที่ต่ำ เนื่องจากการหดตัวของภาคการผลิตที่มีสัดส่วนการส่งออกสูง ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัว 0.5% เทียบกับเดือนก.พ.ที่หดตัว 1.2% สอดคล้องกับการใช้กำลังการผลิตในเดือนมี.ค.ที่เพิ่มเป็น 70.4% เทียบกับเดือนก.พ.ที่มีการใช้กำลังการผลิต 62.9%

“สินค้าที่มีสัดส่วนการส่งออกต่ำกว่า 60% มีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะยานยนต์ สิ่งทอ และเคมีภัณฑ์ แต่สินค้าที่สัดส่วนส่งออกเกิน 60% การส่งออกหดตัวเป็นเดือนที่ 2 โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องหนัง อิเล็กทรอนิกส์ และฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ ทำให้การดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวในเกณฑ์ต่ำ เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อชะลอตัว การว่างงานต่ำ การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น โดยเดือนมี.ค.ภาครัฐจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.51 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.7.9% และสูงกว่าประมาณการรายได้ 1.3% ส่งผลให้ครึ่งปีงบประมาณรัฐจัดเก็บรายได้ 9.78 แสนล้านบาทสูงกว่าประมาณการ 9.48 หมื่นล้านบาท"

สำหรับหนี้สาธารณะของประเทศ ณ สิ้นเดือนก.พ.อยู่ที่ 5.07 ล้านล้านบาท หรือ 44.1% ของจีดีพี สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ขยายตัว 14.8% สภาพคล่องส่วนเกินในระบบอยู่ที่ 1.48 ล้านล้านบาท เพิ่มจากเดือนก.พ.ที่มีสภาพคล่องส่วนเกิน 1.42 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ ในเดือนมี.ค.มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ 222 ล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุหลักเป็นเพราะคนไทยไปลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนค่าเงินบาทเฉลี่ยในเดือนเม.ย.อยู่ที่ 29.07 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แข็งค่าขึ้นจาก 29.52 บาทต่อเหรียญสหรัฐในเดือนมี.ค. โดย 4 เดือนแรกของปีค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 29.62 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจโลกไตรมาสที่ 1 ฟื้นตัวอย่างล่าช้า โดยเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้น แต่ยังขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เศรษฐกิจกลุ่มยูโรโซนยังอยู่ในช่วงหดตัว เศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำกว่าที่คาดเช่นเดียวกับเศรษฐกิจอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย ส่งผลให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศลดเป้าขยายตัวทางเศรษฐกิจเหลือ 3.3% จาก 3.5% ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม แรงกดดันเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ประเทศต่างๆดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่มีมาตรการผ่อนคลายการเงิน รวมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุไถ่ถอนที่ยาวขึ้นเพื่อสร้างแรงกดดันให้ดอกเบี้ยในตลาดลดต่ำลง ส่งผลให้ดัชนีภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 51.1% สูงที่สุดในรอบ 13 เดือน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น