การพัฒนาและการสร้างจุดขายด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชา
http://122.155.9.68/talad/index.php/cambodia/sector/tourism
รัฐบาลกัมพูชาให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวภายในประเทศ
โดยได้จัดทำแผนการพัฒนาการท่องเที่ยวตั้งแต่ปี 2544 ต่อมารัฐบาลได้กำหนดแผนปฏิบัติการด้านการท่องเที่ยว (Tourism
Action
Plan) โดยตั้งเป้าหมายว่าในปี 2553 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านคน
โดยการสนับสนุนให้นักลงทุนภาคเอกชนเข้าไปลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว
อันได้แก่ การขนส่ง โรงแรม
ร้านอาหาร การสื่อสารโทรคมนาคม
พลังงาน และน้ำประปา
รวมถึงการเจรจาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลกับรัฐบาลจีนและรัฐบาลญี่ปุ่น
เพื่อชักจูงให้เข้าไปลงทุนในภาคการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ยังได้ทำบันทึกความตกลง (MOU) กับสายการบินต่าง
ๆ ให้มีการเพิ่มเที่ยวบิน
และเปิดเที่ยวบินตรง (Direct
Flights) ไปยังประเทศกัมพูชา
ภายใต้นโยบายเปิดน่านฟ้าเสรี (Open
Sky Policy) แต่สิ่งที่อยู่ในแผนการพัฒนาอย่างเร่งด่วน
ประกอบด้วย การปรับปรุงคุณภาพของการบริการ
การฝึกอบรมบุคลากรที่ทำงานในภาคการท่องเที่ยว
การพัฒนาโรงแรมให้ได้มาตรฐาน
และการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศ
ทางด้านการพัฒนาจุดขายด้านการท่องเที่ยวนั้น
ทางการกัมพูชาได้จำแนกลักษณะของการส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็น 3 ด้านหลัก
ดังนี้
- การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นตัวชูโรงของอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวกัมพูชา โดยเฉพาะมรดกโลกด้านศิลปวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง ได้แก่ นครวัด-นครธม ซึ่งนักท่องเที่ยวกว่าร้อยละ 50 ที่เดินทางเข้าไปในกัมพูชาต้องเดินทางไปเยี่ยมชมความอลังการของนครวัด-นครธม ทางการกัมพูชาได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ในพื้นที่จังหวัดเสียมเรียบเป็นหลัก ส่วนการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เน้นประวัติศาสตร์การเมืองในสมัยสงครามกลางเมือง เน้นส่งเสริมในพื้นที่กรุงพนมเปญ และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งมีสถานที่สำคัญอันแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งความรุนแรงและสงครามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในอดีต อาทิเช่น คุกโตนสเลง สถานที่คุมขังนักโทษการเมืองกว่า 15,000 คนก่อนจะส่งไปที่ทุ่งสังหาร
- การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เน้นส่งเสริมในพื้นที่ซึ่งแม่น้ำโขงไหลผ่าน รวมทั้งในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดสตึงเตร็ง รัตนคีรี มนฑลคีรี และกระแจะ ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ของประเทศ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์นี้ยังรวมถึงการเยี่ยมชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ โดยเฉพาะการประกอบอาชีพการเกษตร ซึ่งสถานที่สำคัญที่ทางการกำหนดให้เป็นจุดขายคือจังหวัดพระตะบอง ซึ่งเป็นพื้นที่อู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ
- การท่องเที่ยวชายทะเล เน้นส่งเสริมในพื้นที่ติดกับทะเล ซึ่งกัมพูชามีข้อได้เปรียบ ตรงที่สถานที่ชายฝั่งทะเลยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสีหนุวิลล์ จังหวัดแกป จังหวัดกัมปอต และจังหวัดเกาะกง ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าหากสนามบินสีหนุวิลล์ ให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ นักท่องเที่ยวจำนวนมากจะหลั่งไหลเข้าไปท่องเที่ยวในแถบนั้นเช่นเดียวกัน
ช่องทางและโอกาสของสินค้า/บริการด้านการท่องเที่ยว
การหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวในกัมพูชาของนักท่องเที่ยวต่างชาติมีผลให้เกิดธุรกิจเกี่ยวเนื่องหรือบริการการท่องเที่ยว เพื่อให้ความสะดวกและความบันเทิงแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นอุปทานของสินค้าและบริการในกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประกอบไปด้วยสินค้าและบริการ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่
- กลุ่มธุรกิจที่พัก ได้แก่ โรงแรม รีสอร์ท เกสเฮาส์ และโฮมสเตย์ เป็นต้น
โรงแรมและที่พักในกัมพูชามีหลายระดับ ตั้งแต่ห้องพักที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ นอกจากเตียงนอน ไปจนถึงโรงแรมระดับ 5 ดาว ทั้งนี้ ในส่วนของที่พัก โรงแรม เกสท์เฮาส์ และโฮมส์สเตย์ นั้นนับว่าเป็นภาคธุรกิจดาวรุ่ง ตามการขยายตัวของนักท่องเที่ยว มีอัตราการเข้าพักโรงแรม (Hotel Occupancy) กว่าร้อยละ 62.68 แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือในอนาคตการแข่งขันทางธุรกิจจะค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากมีแนวโน้มการขยายตัวของจำนวนที่พักจำนวนมากในรอบ 2-3 ปีนี้
(ตารางที่ 2.51 จำนวนโรงแรมและเกสท์เฮาส์ ระหว่างปี 2541-2550) (P2-122)ข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีความสนใจกลุ่มธุรกิจที่พัก ควรมุ่งเน้นในกลุ่มเกสท์เฮาส์ และโฮมส์สเตย์ เนื่องจากมีความเหมาะสมกับขนาดธุรกิจ และตลาดยังมีโอกาสของการขยายตัว แต่ข้อที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ การประกอบธุรกิจดังกล่าวจะต้องขอใบอนุญาตจากกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชาเสียก่อน ซึ่งจะต้องมั่นใจว่ามีสายป่านที่ยาวพอสำหรับการดำเนินการในขั้นตอนและกระบวนการของทางราชการ และประเด็นที่สำคัญอีกประเด็นคือราคาที่ดินและค่าเช่าค่อนข้างสูง ซึ่งราคาที่ดินถือเป็นต้นทุนจมที่ผู้ประกอบการควรให้ความใส่ใจ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกลุ่มธุรกิจที่พักคือ สินค้าจำเป็นพื้นฐานที่ได้มาตรฐาน เช่น สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม ผลิตภัณฑ์ซักล้าง รวมถึงกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งสินค้าจากไทยมีความเชื่อถือในเรื่องคุณภาพของสินค้า และมีความต้องการสินค้าจากไทยค่อนข้างมาก ดังนั้น กลยุทธ์ทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ไทย คือการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ด้วยการรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) หรือจัดหาสินค้าป้อนให้กับผู้ประกอบการที่พักในประเทศกัมพูชา - กลุ่มธุรกิจบริการการท่องเที่ยว ได้แก่ บริการทัวร์และนำเที่ยว รถเช่า เรือเช่า
สำหรับธุรกิจในกลุ่มบริการการท่องเที่ยว ธุรกิจหลัก คือบริการทัวร์และนำเที่ยว ส่วนธุรกิจเสริมคือการให้บริการรถเช่า เรือเช่า ขายตั๋วเครื่องบิน ขอวีซ่า เป็นต้น โดยการดำเนินธุรกิจนำเที่ยว สามารถทำได้ 2 แนวทาง โดยแนวทางแรกคือการ จดทะเบียนดำเนินธุรกิจนำเที่ยวกับกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา เพื่อประกอบธุรกิจภายในประเทศกัมพูชา (Inbound) และแนวทางที่สอง จดทะเบียนดำเนินธุรกิจในประเทศไทยและจัดทำทัวร์ต่างประเทศ (Outbound) อย่างไรก็ดี เนื่องจากการแข่งขันของธุรกิจนำเที่ยวในประเทศกัมพูชาค่อนข้างเสรี มีบริษัทชั้นนำเกือบทุกมุมโลกเข้าไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในกัมพูชา โดยข้อมูลในปี 2550 พบว่า มีการจดทะเบียนในลักษณะสำนักงานใหญ่ (Head Offices) จำนวน 333 บริษัท และจดทะเบียนสำนักงานสาขา (Branch Offices) อีก 118 บริษัท รวมทั้งสิ้น 451 บริษัท ในจำนวนนี้มีบริษัทในประเทศต่าง ๆ ที่มีจำนวนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริษัทสัญชาติกัมพูชา จำนวน 224 บริษัท บริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ จำนวน 40 บริษัท บริษัทสัญชาติจีน จำนวน 13 บริษัท บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 12 บริษัท และบริษัทสัญชาติไทย จำนวน 6 บริษัท
(ตารางที่ 2.52 จำนวนบริษัททัวร์และบริษัทนำเที่ยว ระหว่างปี 2544-2550) (P2-124)การประกอบธุรกิจนำเที่ยวและบริษัททัวร์ในประเทศกัมพูชาถือเป็นการทำธุรกิจที่มีการแข่งขันที่รุนแรง จึงไม่เหมาะสมถ้าหากจะเข้าไปดำเนินธุรกิจนำเที่ยวในประเทศกัมพูชา ดังนั้นแนวทางที่แนะนำสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยว คือการจัดทัวร์ต่างประเทศ (Outbound) โดยเปรียบประเทศกัมพูชาเป็นสถานที่ทางเลือกแห่งหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเดินทางไปท่องเที่ยว อีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจคือการหาพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งควรดำเนินการใน 2 ลักษณะ คือ การสร้างพันธมิตรกับคู่ค้า เช่น โรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง หรือสายการบิน เพื่อให้ได้ส่วนลดในการจัดทัวร์ และอีกลักษณะหนึ่งคือการสร้างพันธมิตรกับบริษัทนำเที่ยวในประเทศกัมพูชา เพื่อตอบสนองต่อลูกค้าที่ต้องการท่องเที่ยวในหลากหลายประเทศ ทั้งในลักษณะการจัดทัวร์ไปต่างประเทศ (Outbound) และการจัดทัวร์เข้ามาในประเทศ (Inbound) ในกรณีที่นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางเข้ามาเที่ยวต่อในประเทศไทย - ธุรกิจบริการทั่วไป ได้แก่ บริการสุขภาพ สปา สถานบริการ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ
เป็นธุรกิจต่อเนื่องและสนับสนุนการท่องเที่ยว ได้แก่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ บริการสุขภาพ สปา สถานบริการ นวด และร้านจำหน่ายของที่ระลึก เป็นต้น
(ตารางที่ 2.53 จำนวนร้านอาหาร บริการนวด สปอร์ตคลับ และร้านจำหน่ายของที่ระลึกในกัมพูชา) (P2-125)- ร้านอาหาร ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะร้านอาหารต่างชาติที่ตกแต่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากกัมพูชามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับชาวกัมพูชาเริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้น ทำให้นิยมรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ รวมทั้งอาหารประเภท Fast Food และ Food Court ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ การลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารในกรุงพนมเปญ และจังหวัดเสียมเรียบทำได้หลายระดับเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยอาจเน้นร้านอาหารนานาชาติเพื่อให้สอดคล้องกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลก สำหรับการลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารไทยนับว่ามีศักยภาพมาก เนื่องจากอาหารไทยขึ้นชื่อทั้งในด้านคุณภาพและความอร่อย รวมทั้งภาพลักษณ์ในด้านความพิถีพิถันในการปรุงแต่ง จึงได้รับการตอบรับจากชาวกัมพูชารวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติในกัมพูชาเป็นอย่างดี
- บริการด้านสุขภาพและสปา ในกัมพูชาคาดว่าน่าจะเป็นอีกช่องทางของสินค้าไทยที่สามารถเข้าไปทำตลาดได้ สอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิต (Life style) ที่มีกำลังซื้อมากขึ้น และการเติบโตของธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว และคู่แข่งในธุรกิจยังมีไม่มากนัก อาจเป็นเพราะยังขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ นอกจากนี้ วัตถุดิบที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรท้องถิ่นแปรรูปของไทย อาทิเช่น ขมิ้น ชัน ข่า ตะไคร้ ฯลฯ ทำให้สามารถสร้างมูลค่าให้กับสมุนไพรไทยได้อีกด้วย
- ร้านจัดจำหน่ายของที่ระลึก การเปิดร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก สามารถเลือกดำเนินการตั้งแต่ร้านขนาดเล็ก หรือลงทุนเปิดร้านขนาดใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ หรืออาจจะรับจ้างผลิตสินค้าให้แก่ร้านขายของที่ระลึกอีกทอดหนึ่ง
- ธุรกิจสนับสนุน ได้แก่ โรงเรียนการท่องเที่ยว โรงเรียนฝึกอบรมมัคคุเทศก์
ทางรัฐบาลได้เล็งเห็นถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงร่วมมือกับภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน สถานศึกษา ร่วมจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ดังจะเห็นได้จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในประเทศกัมพูชา ได้บรรจุหลักสูตรเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เลือกเรียน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้รัฐบาลจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่ทว่าปัญหาหลักคือขาดมาตรฐานการเรียนการสอน แรงงานในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องในกัมพูชาก็ยังคงขาดทักษะเกี่ยวกับการให้บริการ จึงเป็นโอกาสในการทำธุรกิจโรงเรียนสอนวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม รวมถึงการสอนภาษา และช่างฝีมือแขนงต่าง ๆ ซึ่งผู้ประกอบการของไทยค่อนข้างถนัด เนื่องจากประเทศไทยมีความโดดเด่นทางด้านการให้บริการ
จุดแข็ง |
จุดอ่อน |
|
|
โอกาส |
อุปสรรค |
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น