head ads

วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556

ตลาดผูกขาดที่คุณอาจจะไม่เห็น


ที่มา http://www.learners.in.th/blogs/posts/281077
   สวัสดีครับ วันนี้ผมอยากจะมาเล่าเรื่อง “ตลาดผูกขาด” ครับ ตลาดผูกขาดหรือการผูกขาดอย่างที่หลายๆคนเข้าใจมักจะหมายถึงการที่มีผู้ผลิตสินค้าหรือบริการนั้นๆเพียงรายเดียว ซึ่งจะมีผลทำให้ผู้บริโภคอย่างเราๆไม่มีทางเลือกไปใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากผู้ผลิตรายอื่นเลย โดยที่ผู้ผลิตที่มีอำนาจผูกขาดนั้นสามารถควบคุมราคาได้ตามต้องการ ตัวอย่างที่เห็นชัดๆในไทยเลยก็คือ ไฟฟ้า ครับ เพราะไฟฟ้านั้นเป็นสินค้าและบริการของการไฟฟ้าซึ่งเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวเลย หากการไฟฟ้าประกาศขึ้นราคาค่าไฟฟ้าขึ้นมา ผู้บริโภคอย่างเราๆก็ต้องก้มหน้าก้มตายอมรับไปเพราะมีผู้ผลิตเพียงรายเดียวเราจะบอกว่าแพงแล้วไม่ใช้ไปใช้ของผู้ผลิตรายอื่นก็ไม่มีจริงมั้ยครับ

                นอกจากกรณีที่มีผู้ผลิตเพียงรายเดียวในกรณีการไฟฟ้าข้างต้นแล้ว การที่มีผู้ผลิตหลายรายก็สามารถเกิดการผูกขาดได้ ถ้าผู้ผลิตรายใหญ่รวมกันและสามารถควบคุมปริมาณสินค้าส่วนใหญ่ในตลาดได้ ตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆคือน้ำมันไงครับ น้ำมันถูกควบคุมปริมาณโดยกลุ่มโอเปคซึ่งทำให้ราคาสูงต่ำได้ตามต้องการ เห็นมั้ยครับว่าแม้มีผู้ผลิตหลายรายก็ตาม แต่ถ้าผู้ผลิตหลายรายนั้นสามารถรวมกลุ่มกันควบคุมปริมาณสินค้าส่วนใหญ่ได้ก็สามารถทำให้เกิดการผูกขาดได้เหมือนกัน

                ในการผูกขาดที่ปลายน้ำหรือที่ตลาดสินค้าบริการข้างต้นเป็นสิ่งที่เราพบเห็นและรับรู้กันได้ทั่วไปเนื่องจากเราได้รับผลกระทบโดยตรงในฐานะผู้บริโภค แต่ในครั้งนี้ผมอยากจะพูดถึงประเด็นการผูกขาดในตลาดปัจจัยโดยผู้ซื้อปัจจัยเป็นผู้ผูกขาดในขณะที่ตลาดสินค้าเป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ซึ่งในกรณีนี้ผู้บริโภคอย่างเราๆอาจจะไม่ค่อยสนใจเนื่องจากไม่ส่งผลกระทบกับราคาสินค้าในตลาดสินค้าที่เราซื้อกัน ผมขอพูดถึงตัวแนวคิดของการผูกขาดแบบนี้ก่อนที่จะยกตัวอย่างเรื่องจริงในสังคมที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นะครับ

                การผูกขาดในตลาดปัจจัยโดยผู้ซื้อปัจจัยในขณะที่ตลาดสินค้าเป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์ นักเศรษฐศาสตร์เรียกโครงสร้างตลาดแบบนี้ว่า Monopsony ครับ ในตลาดนี้ครับผู้ซื้อปัจจัยมีอำนาจผูกขาดในการซื้อปัจจัยจากผู้ขายปัจจัยหลายรายครับ แต่ในตลาดสินค้าเป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ผมจะขอยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆนะครับให้เข้าใจตัวโครงสร้างก่อนนะครับ สมมติว่าประเทศไทยมีโรงงานประกอบรถยนต์เพียงรายเดียว แต่มีผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เพื่อป้อนให้โรงงานนี้มากมายแต่ละรายล้วนเป็นรายเล็กๆและห้ามส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ออกไปต่างประเทศด้วย ในขณะที่ตลาดรถยนต์เองมีการแข่งขันสมบูรณ์ เนื่องจากทั่วโลกมีโรงงานผลิตรถยนต์มากมายและสามารถนำเข้าส่งออกรถยนต์ประกอบเสร็จได้โดยเสรี

                ในกรณีข้างต้นโรงงานประกอบรถยนต์ดังกล่าวจะมีสิทธิ์ในการผูกขาดการซื้อชิ้นส่วนรถยนต์จากผู้ผลิตหลายรายส่งผลให้เป็นผู้กำหนดราคาปัจจัยการผลิตได้ แต่ในขณะที่ตลาดรถยนต์เป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์เนื่องจากมีรถยนต์ประกอบสำเร็จจากต่างประเทศเข้ามาขายในประเทศได้ทำให้เวลาขายรถยนต์ประกอบเสร็จมีฐานะเป็นผู้รับราคา ทีนี้ลองนึกภาพตามนะครับ ผมจะพยายามไม่ใช่ศัพท์หรือสมการทางเศรษฐศาสตร์มาอธิบายให้วุ่นวายแต่จะเอาแค่แนวคิดและไอเดียมาพูดกันเท่านั้น ถ้าคุณเป็นหน่วยผลิตนี้และราคาตลาดของรถยนต์ประเภทเดียวกันนี้ อยู่ที่หนึ่งล้านบาท อีกทั้งคุณสามารถควบคุมต้นทุนของคุณก็คือราคาปัจจัยได้คุณจะทำอย่างไรครับ แน่นอนคุณก็ต้องพยายามกดราคาปัจจัยให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ถูกมั้ยครับ สมมติว่าต้นทุนในการบริหารและจัดการทุกอย่างยกเว้นราคาปัจจัยอยู่ที่สองแสนบาทเนี่ย ถ้าเป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์หน่วยผลิตนี้จะได้กำไรปกตินั่นหมายถึงส่วนที่เหลือแปดแสนบาทจะตกไปเป็นของผู้ผลิตชิ้นส่วนแน่ๆ แต่ผู้ซื้อปัจจัยรายนี้มีอำนาจผูกขาดโดยอาจจะใช้วิธีกดราคาปัจจัยการผลิตทำให้ปริมาณการเสนอขายปัจจัยการผลิตลดลง อาจจะลดเหลือแค่หกแสนบาท ต้นทุนการจัดการเท่าเดิมคือสองแสนบาท ขายได้ราคาเท่าเดิมหนึ่งล้านบาท จะทำให้มีกำไรส่วนเกินถึงคันละสองแสนบาท ซึ่งสองแสนบาทเป็นกำไรที่ได้จากการเอารัดเอาเปรียบผู้ขายปัจจัยทั้งสิ้น

                ตัวอย่างต่อไปอันนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนะครับ ไอเดียนี้มาจากการเข้าฟังบรรยายจากอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ที่จำไม่ได้ว่าเป็นใครและวิชาอะไร ทุกวันนี้ทุกๆท่านบริโภคไก่กันเป็นปกติใช่มั้ยครับ ผู้ผลิตไก่สดรายใหญ่อย่างที่เราทราบกันก็คือซีพี ในตลาดไก่สดที่เราบริโภคกัน มีโครงสร้างคล้ายกับตลาดสมบูรณ์ครับ เพราะมีหลายยี่ห้อหลายฟาร์มให้เลือก แต่ไก่ซีพี ที่ว่าเลี้ยงในระบบฟาร์มปิด ไม่ได้เลี้ยงโดยบริษัทเองนะครับ แต่เลี้ยงโดยเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ โดยเกษตรกรต้องซื้อพันธุ์ไก่จากซีพี โดยมีสัญญาว่าซีพีจะรับซื้อกลับเมื่อโตพอและมีข้อจำกัดต่างๆนาๆ เช่น อัตราการตายต้องเท่าไหร่ น้ำหนักต้องเท่าไหร่ ต้องใช้อาหารไก่ที่ซีพีผลิตและขายให้เกษตรกรโดยตรง และพอเลี้ยงเสร็จแล้วต้องขายให้ซีพี ถ้าไม่เป็นไปตามข้อตกลงต่างๆ ราคาที่กำหนดไว้ก็จะลดลง จนเกษตรกรอาจจะไม่คุ้ม ลองจินตนาการว่าคุณเป็นเกษตรกรดูสิครับ คุณไม่ต่างจากลูกจ้างซีพีเลยนะครับ คุณต้องเลี้ยงไก่ที่เค้าสั่ง ตามวิธีของเค้า เสร็จแล้วต้องขายให้เค้าอีก แถมอีกอย่างยังต้องแบกรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นเองอีกถ้าไม่เป็นไปตามข้อตกลง ในกรณีอย่างนี้เราสามารถเรียกว่าเกิดอำนาจผูกขาดได้มั้ยครับ ถามว่าทำไมเกษตรกรไม่ไปเลี้ยงไก่พันธุ์อื่น เนื่องจากปัญหาคือเลี้ยงมาแล้วไม่มีตลาดที่จะรองรับไก่พันธุ์อื่นครับ

                เห็นมั้ยครับว่าในตลาดสินค้าและบริการที่มีโครงสร้างแข่งสมบูรณ์แม้ผู้บริโภคอย่างเราๆ บริโภคกันเป็นปกติทุกวันอย่างไก่สด อาจจะมีเบื้องหลังที่เป็นตลาดผูกขาด อยากให้ทุกๆคนลองมองไปยังหลายๆสิ่งรอบตัวอาจจะมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นอยู่ก็ได้นะครับ สิ่งที่เป็นคำถามต่อไปก็คือปัญหาอย่างนี้เราควรจะหาทางแก้กันอย่างไร ขอทิ้งไว้ให้ทุกคนลองคิดต่อดูนะครับ ในตอนนี้ขอลาไปก่อนครับ ขอบคุณครับ



เอกสารอ้างอิง

เศรษฐศาสตร์จุลภาค:ทฤฎีและการประยุกต์ ดร.ชยันต์ ตันติวัสดาการ

http://www.thaingo.org/cgi-bin/content/content2/show.pl?0180

http://www.nidambe11.net/ekonomiz/news2003/news2003jan27p3.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น