ตลาดอะไหล่จักรยานยนต์ในเวียดนาม
ตลาดชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ในเวียดนามมีมูลค่าตลาดถึง 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (40 ล้านล้านด่อง) มีการคาดการณ์โดยสถาบันยุทธศาสตร์และนโยบายอุตสาหกรรม (Institute for Industry Policy and Strategy) ว่าในปี 2010 จะมีปริมาณรถจักรยานยนต์ถึง 24 ล้านคัน คิดเป็นอัตราส่วนประชากร 4 คนต่อรถจักรยานยนต์ 1 คัน และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของประชาชนเวียดนามนั้นใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะหลัก
รัฐบาลเวียดนามส่งเสริมให้มีการผลิตรถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ โดยมีการเข้ามาลงทุนของบริษัทรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่จากญี่ปุ่น ทั้งฮอนด้า ยามาฮา ซูซูกิ และอื่นๆ ซึ่งได้รับการส่งเสริมในเขตทางภาคเหนือ บริเวณรอบๆนครฮานอย และภาคใต้บริเวรณรอบๆนครโฮจิมินห์
สำหรับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ สามารถแบ่งได้เป็น 3 หมวด ตามลักษณะการใช้ คือ
- อุปกรณ์ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์สำหรับการประกอบรถจักรยานยนต์
- อุปกรณ์ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์สำหรับการเป็นอะไหล่ทดแทน
- อุปกรณ์ตกแต่งรถจักยานยนต์
อุปสงค์ชิ้นส่วนจักรยานยนต์ในเวียดนาม
อุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์นั้นมีตลาดขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียและแอฟริกา ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย เช่นกลุ่มรถจักรยานยนต์ตกแต่งกลุ่มรถจักรยานยนต์สำหรับการแข่งขันนอกจากนี้ยังมีโอกาสทางการตลาดในประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมายจะให้ความสนใจในคุณภาพสินค้าและบริการค่อนข้างสูง รวมถึงสนใจบริการหลังการขายทำให้ธุรกิจของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ยังมีโอกาสที่จะมีการสร้างสรรค์กระบวนการผลิตใหม่ๆ และนวัตกรรมของสินค้าใหม่ๆเพื่อผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ตลาดสำหรับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ในประเทศและในตลาดโลกส่วนใหญ่จะเป็นส่วนตลาดที่ผลิตจำนวนมาก (Mass Market) ดังนั้นปัจจัยด้านราคาจึงมีความสำคัญอย่างมากต่อปริมาณการบริโภคสินค้าชนิดนี้ และในส่วนผู้บริโภคนั้นจะมีค่านิยมในการใช้สินค้าที่มาจากต่างประเทศ
ความต้องการของตลาดในกลุ่มเป้าหมายของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์มีหลายด้าน ซึ่งจะมีความต้องการมากพอที่จะคุ้มต่อการลงทุนในการผลิต นอกจากนี้ผู้บริโภคจะมีการเน้นบริการหลังการขาย ซึ่งจะช่วยให้มีการสั่งผลิตอย่างต่อเนื่อง แต่ในบางครั้งผู้บริโภคจะมีการใช้ตราสินค้าจากต่างประเทศมากกว่าการพิจารณาเลือกใช้จากคุณภาพ และในบางครั้งผู้บริโภคจะเน้นการใช้สินค้าในราคาถูกมากกว่าที่จะใช้สินค้าที่ได้มาตรฐานแต่มีราคาสูงกว่า ถึงอย่างไรก็ตาม ความต้องการเพิ่มขึ้นและซับซ้อนขึ้นเป็นตัวผลักดันให้เกิดการพัฒนาในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในคุณภาพที่ได้มาตรฐานแต่มีราคาต่ำ
ทั้งนี้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์จัดเป็นสินค้าที่มีความยืดหยุ่นของความต้องการต่อราคาสูงเมื่อราคาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยจะส่งผลให้ปริมาณการซื้อเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในทิศทางตรงกันข้ามปัจจัยทางด้านราคาจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างมากต่อตลาดในประเทศและตลาดโลก นอกจากนี้เทคโนโลยีรูปแบบความสวยงามของจักรยานยนต์จะทำให้กระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ เติบโตตามไปด้วย
จากข้อมูลสถิติในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีประชากรกว่า 87.3 ล้านคน โดยมีจักรยานยนต์ในตลาดประมาณ 24 ล้านคัน โดยมีมูลค่าของชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์โดยรวมปี 2548 เป็น 1,796 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปี 2549 เป็น 1,894 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในปี 2550 เป็น 2,488 ล้านเหรียญสหรัฐฯซึ่งจะเห็นว่าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์มีการเติบโตขึ้นทุกปี โดยอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์จะมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงแปรผันตามจำนวนรถจักรยานยนต์ โดยตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศเวียดนามมีอัตราการขยายตัวเฉพาะรถจักรยานยนต์ใหม่ปีละกว่า1ล้านคัน
จากตาราง (t3-5 p3-37) ซึ่งสถาบันยุทธศาสตร์และนโยบายอุตสาหกรรม (Institute for Industry Policy and Strategy) ได้มีการคาดการณ์ว่าความต้องการรถจักรยานยนต์ในเวียดนามจะมีมากถึง 24 ล้านคันในปี 2553 และเพิ่มเป็น 29 ล้านคันในปี 2558 ซึ่งปัจจุบันนครฮานอยและนครโฮจิมินห์มีอัตราการครอบครองจักรยานยนต์ 1 คันต่อประชากร 2 คนขณะที่ด่องไน บาเรีย-หวุงเต่า และบิ่นเยืองมีอัตราการครอบครองจักรยานยนต์ 1 คันต่อประชากร 3 คน จังหวัดอื่นๆที่เหลือ 1 คันต่อประชากร 6 คนในขณะที่อัตราถัวเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 1 คันต่อประชากร 4 คน
บริบทด้านการแข่งขันและกลยุทธ์ของธุรกิจชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์
ในส่วนของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์จะมีการแข่งขันเป็นไปในลักษณะตราสินค้าเฉพาะค่าย (Brand) จากต่างประเทศ ทำให้การเข้ามาของผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์รายใหญ่ทำได้ค่อนข้างยากโดยเฉพาะผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศ ที่จะเข้าไปสู่การเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเพื่อใช้ในการประกอบจักรยานยนต์ (Original Equipment Manufacturing: OEM) นั้นจะต้องมีเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงและมีความสัมพันธ์กับโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์จึงจะมีโอกาสในการเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ให้โรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ แต่สำหรับการแข่งขันของการผลิตชิ้นส่วนเพื่อทดแทน (Replacement Equipment Manufacturing: REM) จะมีการใช้ราคา คุณภาพของสินค้าและความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต เป็นจุดเด่นที่ใช้ในการได้เปรียบทางธุรกิจ
มาตรฐานของสินค้า
จากการที่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ เป็นฐานการผลิตของบริษัทจากต่างประเทศ ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีจากบริษัทแม่มาใช้และถ่ายทอดให้กับการผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ เพื่อที่จะนำมาประกอบรถจักรยานยนต์ได้ตามมาตรฐานของแต่ละค่าย ทำให้สินค้าที่ผลิตในประเทศไทยมีคุณภาพระดับมาตรฐานสากล ซึ่งทางอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์จะมีองค์ความรู้จากบริษัทต่างประเทศ ไปใช้ในการผลิตสินค้าทดแทนได้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับการผลิตให้โรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ที่มีตราสินค้าจากต่างประเทศ
อัตราขยายตัว
ในช่วงปี 2540 จนถึงปัจจุบันเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตกต่ำประชาชนมีรายได้และมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตลดลงส่งผลกระทบให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ลดลงอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจภายในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ ต้องใช้ระบบสินเชื่อ ในการดำเนินงาน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์เพื่อประกอบรถจักรยานยนต์หรือเพื่อทำเป็นอะไหล่ทดแทน จะมีการขยายตัวที่มีขอบเขตจำกัด แต่สามารถที่จะปรับอัตราการขยายตัวให้สูงขึ้น จำเป็นที่จะต้องมีการใช้นโยบายด้านการเงินและอัตราดอกเบี้ยแบบผ่อนปรน เพื่อสามารถกระตุ้นการสั่งผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ให้มีการขยายให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้นได้
ฐานการผลิตรถจักรยานยนต์
ในส่วนของผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์มีโครงสร้างและองค์ประกอบในการผลิตที่ค่อนข้างแข็งแรงมีประสิทธิภาพโดยมีชนิดของชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่ได้ผลิตขึ้นหลากหลาย และค่อนข้างครบถ้วน อีกทั้งมีค่าจ้างแรงงานต่ำ จึงทำให้เหมาะที่จะเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์เพื่อใช้ในการประกอบรถจักรยานยนต์จากค่ายต่างๆ ซึ่งโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ในแต่ละค่าย จะมีการใช้เทคโนโลยีในการผลิต และการบริหารที่จะมาซึ่งการควบคุมคุณภาพและการจัดการ อีกทั้งโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์จะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการควบคุมคุณภาพสำหรับโรงงานผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่ได้มีการติดต่อด้วย แต่สำหรับโรงงานผลิตชิ้นส่วนที่ใช้สำหรับทดแทน ส่วนใหญ่มีเทคโนโลยีในการผลิตอยู่ในขั้นพื้นฐาน ทำให้ยังมีการควบคุมการผลิตได้ไม่ดีพอ ซึ่งจะได้สินค้าที่มีคุณภาพไม่สม่ำเสมอ และมีต้นทุนต่อหน่วยสูง
ตราสินค้า
โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีการผลิตสินค้าที่ใช้ตราสินค้าของตนเองน้อย โดยส่วนใหญ่จะผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์เพื่อป้อนให้กับโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ค่ายต่างๆ ซึ่งมีผลให้ โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ไม่สามารถแข่งกับโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์โดยตรงได้ แต่ในส่วนของการผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์เพื่อใช้ในการทดแทน จะมีการใช้ตราสินค้าที่สามารถเป็นตัวแสดงถึงคุณภาพของสินค้าที่มาจากแต่ละโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ได้
การแข่งขัน
การแข่งขันของโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์จะมีการแข่งขันด้านราคารุนแรง เนื่องจากส่วน มากจะเป็นชิ้นส่วนจักรยานยนต์พื้นฐาน ที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนสามารถผลิตได้อย่างมีคุณภาพใกล้เคียงกัน มีแหล่งป้อนวัตถุดิบ และอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องและเชื่อมโยงเหมือนกัน แต่ในส่วนของชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่มีการผลิตที่ซับซ้อน หรือชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่นำไปป้อนให้กับโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์จะมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง จึงต้องมีการแข่งขันด้านคุณภาพและมาตรฐานตามที่โรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ได้กำหนดไว้ ซึ่งโรงงานที่ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์เหล่านี้ จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและควบคุมมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง แต่จะมีบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์จากต่างประเทศเข้ามาแย่งการตลาดที่จะป้อนสินค้าเข้าโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ ทำให้โรงงานผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ต้องมีการขยายฐานการผลิตให้กว้างขึ้น โดยจะต้องสร้างธุรกิจต่อเนื่องในกลุ่มของตัวเองอย่างครบวงจร
สรุปภาพรวมได้ว่า ในปัจจุบันมีผู้ประกอบรถจักรยานยนต์ในเวียดนามถึง 52 ราย โดย 22 รายเป็นรัฐวิสาหกิจและ 23 รายเป็นบริษัทเอกชน อีก 7 รายเป็นการลงทุนของต่างชาติ กำลังผลิตรวมกว่า 4 ล้านคัน แต่ปริมาณผลิตจริงไม่ถึงครึ่งหนึ่ง
อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์
(ภาพที่ 3.5 ห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์)
จากห่วงโซ่อุปทาน จะแสดงให้เห็นภาพรวมของกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ ซึ่งจะได้ทราบกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ และการจำแนกธุรกิจที่อยู่ภายในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ รวมไปถึงการกำหนดลูกค้าในแต่ละประเภทของแต่ละธุรกิจ โดยปัจจัยด้านอุปทานจะมีความสัมพันธ์กับปัจจัยด้านอุปสงค์ ซึ่งอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์นี้ อุปสงค์จะเป็นตัวกำหนดอุปทาน ซึ่งปัจจัยด้านอุปสงค์จะมีอิทธิพลต่อกระบวนการผลิต ซึ่งการผลิตนั้นจะต้องมีการตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนการพัฒนาทางด้านอุปทาน จะทำให้เกิดการกระตุ้นความต้องการให้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนจากต่างประเทศ ดังนั้นผู้ประกอบการส่วนนี้จะเป็นผู้กำหนดทิศทางในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยการผลิตจักรยานยนต์แต่ละรุ่น/แบบ ในแต่ละยี่ห้อ ผู้ประกอบรถจักรยานยนต์จะเป็นผู้สำรวจความต้องการของตลาด แล้วจึงประเมินความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนที่ได้ออกแบบจากนั้นจะนำสินค้าออกจัดจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันนี้ ผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่ใช้ในการส่งเข้าโรงงานประกอบจักรยานยนต์มีแนวโน้มที่จะออกแบบร่วมกับผู้ประกอบรถจักยานยนต์มากยิ่งขึ้นซึ่งผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่ได้รับโอกาสเหล่านี้จะต้องมีความรู้จักอย่างใกล้ชิดกับผู้ประกอบรถจักรยานยนต์โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการจากต่างประเทศ
เนื่องจากการผลิตรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจใหญ่ มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง การลงทุนใช้เงินจำนวนมาก และเป็นการลงทุนโดยบริษัทขนาดใหญ่ อาทิ ฮอนด้า ยามาฮ่า ดังนั้นในการตั้งฐานการผลิต กลุ่มบริษัทเหล่านี้จึงจะเข้าไปพร้อมกับกลุ่มธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ดังนั้นอุตสาหกรรมสนับสนุนในกลุ่มนี้จึงไม่มีปัญหา แต่ส่วนมากจะผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ และผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่แท้ ส่วนใหญ่จะไม่จำหน่ายปลีก เพราะเท่าที่ต้องทำส่งให้โรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ก็ใช้ศักยภาพโรงงานเต็มจำนวนแล้ว ดังนั้นหากได้ลูกค้าเป็นบริษัทผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ก็แทบจะไม่ต้องจำหน่ายปลีกเลย แต่กรณีจำหน่ายปลีก หากมีโรงงานในประเทศเวียดนาม สามารถจำหน่ายตรงสู่ผู้บริโภค หรือร้านค้าย่อยได้ แต่หากเป็นการนำเข้าจะต้องจำหน่ายผ่านตัวแทนเท่านั้น
จุดแข็ง | จุดอ่อน |
|
|
โอกาส | อุปสรรค |
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น