head ads

วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

ตลาดอะไหล่จักรยานยนต์ในเวียดนาม


ตลาดอะไหล่จักรยานยนต์ในเวียดนาม

http://122.155.9.68/talad/index.php/vietnam/sector/motorcycle-parts
ตลาดชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ในเวียดนามมีมูลค่าตลาดถึง 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (40 ล้านล้านด่อง) มีการคาดการณ์โดยสถาบันยุทธศาสตร์และนโยบายอุตสาหกรรม (Institute for Industry Policy and Strategy) ว่าในปี 2010 จะมีปริมาณรถจักรยานยนต์ถึง 24 ล้านคัน คิดเป็นอัตราส่วนประชากร 4 คนต่อรถจักรยานยนต์ 1 คัน และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของประชาชนเวียดนามนั้นใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะหลัก

รัฐบาลเวียดนามส่งเสริมให้มีการผลิตรถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ โดยมีการเข้ามาลงทุนของบริษัทรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่จากญี่ปุ่น ทั้งฮอนด้า ยามาฮา ซูซูกิ และอื่นๆ ซึ่งได้รับการส่งเสริมในเขตทางภาคเหนือ บริเวณรอบๆนครฮานอย และภาคใต้บริเวรณรอบๆนครโฮจิมินห์

สำหรับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ สามารถแบ่งได้เป็น 3 หมวด ตามลักษณะการใช้ คือ


  1. อุปกรณ์ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์สำหรับการประกอบรถจักรยานยนต์
  2. อุปกรณ์ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์สำหรับการเป็นอะไหล่ทดแทน
  3. อุปกรณ์ตกแต่งรถจักยานยนต์

อุปสงค์ชิ้นส่วนจักรยานยนต์ในเวียดนาม  
อุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์นั้นมีตลาดขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียและแอฟริกา ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย เช่นกลุ่มรถจักรยานยนต์ตกแต่งกลุ่มรถจักรยานยนต์สำหรับการแข่งขันนอกจากนี้ยังมีโอกาสทางการตลาดในประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมายจะให้ความสนใจในคุณภาพสินค้าและบริการค่อนข้างสูง รวมถึงสนใจบริการหลังการขายทำให้ธุรกิจของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ยังมีโอกาสที่จะมีการสร้างสรรค์กระบวนการผลิตใหม่ๆ และนวัตกรรมของสินค้าใหม่ๆเพื่อผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ตลาดสำหรับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ในประเทศและในตลาดโลกส่วนใหญ่จะเป็นส่วนตลาดที่ผลิตจำนวนมาก (Mass Market) ดังนั้นปัจจัยด้านราคาจึงมีความสำคัญอย่างมากต่อปริมาณการบริโภคสินค้าชนิดนี้ และในส่วนผู้บริโภคนั้นจะมีค่านิยมในการใช้สินค้าที่มาจากต่างประเทศ

ความต้องการของตลาดในกลุ่มเป้าหมายของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์มีหลายด้าน ซึ่งจะมีความต้องการมากพอที่จะคุ้มต่อการลงทุนในการผลิต นอกจากนี้ผู้บริโภคจะมีการเน้นบริการหลังการขาย ซึ่งจะช่วยให้มีการสั่งผลิตอย่างต่อเนื่อง แต่ในบางครั้งผู้บริโภคจะมีการใช้ตราสินค้าจากต่างประเทศมากกว่าการพิจารณาเลือกใช้จากคุณภาพ และในบางครั้งผู้บริโภคจะเน้นการใช้สินค้าในราคาถูกมากกว่าที่จะใช้สินค้าที่ได้มาตรฐานแต่มีราคาสูงกว่า ถึงอย่างไรก็ตาม ความต้องการเพิ่มขึ้นและซับซ้อนขึ้นเป็นตัวผลักดันให้เกิดการพัฒนาในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในคุณภาพที่ได้มาตรฐานแต่มีราคาต่ำ

ทั้งนี้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์จัดเป็นสินค้าที่มีความยืดหยุ่นของความต้องการต่อราคาสูงเมื่อราคาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยจะส่งผลให้ปริมาณการซื้อเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในทิศทางตรงกันข้ามปัจจัยทางด้านราคาจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างมากต่อตลาดในประเทศและตลาดโลก นอกจากนี้เทคโนโลยีรูปแบบความสวยงามของจักรยานยนต์จะทำให้กระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ เติบโตตามไปด้วย

จากข้อมูลสถิติในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีประชากรกว่า 87.3 ล้านคน โดยมีจักรยานยนต์ในตลาดประมาณ 24 ล้านคัน โดยมีมูลค่าของชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์โดยรวมปี 2548 เป็น 1,796 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปี 2549 เป็น 1,894 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในปี 2550 เป็น 2,488 ล้านเหรียญสหรัฐฯซึ่งจะเห็นว่าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์มีการเติบโตขึ้นทุกปี โดยอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์จะมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงแปรผันตามจำนวนรถจักรยานยนต์ โดยตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศเวียดนามมีอัตราการขยายตัวเฉพาะรถจักรยานยนต์ใหม่ปีละกว่า1ล้านคัน

จากตาราง (t3-5 p3-37) ซึ่งสถาบันยุทธศาสตร์และนโยบายอุตสาหกรรม (Institute for Industry Policy and Strategy) ได้มีการคาดการณ์ว่าความต้องการรถจักรยานยนต์ในเวียดนามจะมีมากถึง 24 ล้านคันในปี 2553 และเพิ่มเป็น 29 ล้านคันในปี 2558 ซึ่งปัจจุบันนครฮานอยและนครโฮจิมินห์มีอัตราการครอบครองจักรยานยนต์ 1 คันต่อประชากร 2 คนขณะที่ด่องไน บาเรีย-หวุงเต่า และบิ่นเยืองมีอัตราการครอบครองจักรยานยนต์ 1 คันต่อประชากร 3 คน จังหวัดอื่นๆที่เหลือ 1 คันต่อประชากร 6 คนในขณะที่อัตราถัวเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 1 คันต่อประชากร 4 คน

บริบทด้านการแข่งขันและกลยุทธ์ของธุรกิจชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์  
ในส่วนของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์จะมีการแข่งขันเป็นไปในลักษณะตราสินค้าเฉพาะค่าย (Brand) จากต่างประเทศ ทำให้การเข้ามาของผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์รายใหญ่ทำได้ค่อนข้างยากโดยเฉพาะผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศ ที่จะเข้าไปสู่การเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเพื่อใช้ในการประกอบจักรยานยนต์ (Original Equipment Manufacturing: OEM) นั้นจะต้องมีเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงและมีความสัมพันธ์กับโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์จึงจะมีโอกาสในการเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ให้โรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ แต่สำหรับการแข่งขันของการผลิตชิ้นส่วนเพื่อทดแทน (Replacement Equipment Manufacturing: REM) จะมีการใช้ราคา คุณภาพของสินค้าและความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต เป็นจุดเด่นที่ใช้ในการได้เปรียบทางธุรกิจ

มาตรฐานของสินค้า

จากการที่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ เป็นฐานการผลิตของบริษัทจากต่างประเทศ ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีจากบริษัทแม่มาใช้และถ่ายทอดให้กับการผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ เพื่อที่จะนำมาประกอบรถจักรยานยนต์ได้ตามมาตรฐานของแต่ละค่าย ทำให้สินค้าที่ผลิตในประเทศไทยมีคุณภาพระดับมาตรฐานสากล ซึ่งทางอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์จะมีองค์ความรู้จากบริษัทต่างประเทศ ไปใช้ในการผลิตสินค้าทดแทนได้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับการผลิตให้โรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ที่มีตราสินค้าจากต่างประเทศ

อัตราขยายตัว

ในช่วงปี 2540 จนถึงปัจจุบันเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตกต่ำประชาชนมีรายได้และมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตลดลงส่งผลกระทบให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ลดลงอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจภายในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ ต้องใช้ระบบสินเชื่อ ในการดำเนินงาน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์เพื่อประกอบรถจักรยานยนต์หรือเพื่อทำเป็นอะไหล่ทดแทน จะมีการขยายตัวที่มีขอบเขตจำกัด แต่สามารถที่จะปรับอัตราการขยายตัวให้สูงขึ้น จำเป็นที่จะต้องมีการใช้นโยบายด้านการเงินและอัตราดอกเบี้ยแบบผ่อนปรน เพื่อสามารถกระตุ้นการสั่งผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ให้มีการขยายให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้นได้

ฐานการผลิตรถจักรยานยนต์

ในส่วนของผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์มีโครงสร้างและองค์ประกอบในการผลิตที่ค่อนข้างแข็งแรงมีประสิทธิภาพโดยมีชนิดของชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่ได้ผลิตขึ้นหลากหลาย และค่อนข้างครบถ้วน อีกทั้งมีค่าจ้างแรงงานต่ำ จึงทำให้เหมาะที่จะเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์เพื่อใช้ในการประกอบรถจักรยานยนต์จากค่ายต่างๆ ซึ่งโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ในแต่ละค่าย จะมีการใช้เทคโนโลยีในการผลิต และการบริหารที่จะมาซึ่งการควบคุมคุณภาพและการจัดการ อีกทั้งโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์จะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการควบคุมคุณภาพสำหรับโรงงานผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่ได้มีการติดต่อด้วย แต่สำหรับโรงงานผลิตชิ้นส่วนที่ใช้สำหรับทดแทน ส่วนใหญ่มีเทคโนโลยีในการผลิตอยู่ในขั้นพื้นฐาน ทำให้ยังมีการควบคุมการผลิตได้ไม่ดีพอ ซึ่งจะได้สินค้าที่มีคุณภาพไม่สม่ำเสมอ และมีต้นทุนต่อหน่วยสูง

ตราสินค้า

โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีการผลิตสินค้าที่ใช้ตราสินค้าของตนเองน้อย โดยส่วนใหญ่จะผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์เพื่อป้อนให้กับโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ค่ายต่างๆ ซึ่งมีผลให้ โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ไม่สามารถแข่งกับโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์โดยตรงได้ แต่ในส่วนของการผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์เพื่อใช้ในการทดแทน จะมีการใช้ตราสินค้าที่สามารถเป็นตัวแสดงถึงคุณภาพของสินค้าที่มาจากแต่ละโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ได้

การแข่งขัน

การแข่งขันของโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์จะมีการแข่งขันด้านราคารุนแรง เนื่องจากส่วน มากจะเป็นชิ้นส่วนจักรยานยนต์พื้นฐาน ที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนสามารถผลิตได้อย่างมีคุณภาพใกล้เคียงกัน มีแหล่งป้อนวัตถุดิบ และอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องและเชื่อมโยงเหมือนกัน แต่ในส่วนของชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่มีการผลิตที่ซับซ้อน หรือชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่นำไปป้อนให้กับโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์จะมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง จึงต้องมีการแข่งขันด้านคุณภาพและมาตรฐานตามที่โรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ได้กำหนดไว้ ซึ่งโรงงานที่ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์เหล่านี้ จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและควบคุมมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง แต่จะมีบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์จากต่างประเทศเข้ามาแย่งการตลาดที่จะป้อนสินค้าเข้าโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ ทำให้โรงงานผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ต้องมีการขยายฐานการผลิตให้กว้างขึ้น โดยจะต้องสร้างธุรกิจต่อเนื่องในกลุ่มของตัวเองอย่างครบวงจร

สรุปภาพรวมได้ว่า ในปัจจุบันมีผู้ประกอบรถจักรยานยนต์ในเวียดนามถึง 52 ราย โดย 22 รายเป็นรัฐวิสาหกิจและ 23 รายเป็นบริษัทเอกชน อีก 7 รายเป็นการลงทุนของต่างชาติ กำลังผลิตรวมกว่า 4 ล้านคัน แต่ปริมาณผลิตจริงไม่ถึงครึ่งหนึ่ง

อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์  
(ภาพที่ 3.5 ห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์)

จากห่วงโซ่อุปทาน จะแสดงให้เห็นภาพรวมของกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ ซึ่งจะได้ทราบกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ และการจำแนกธุรกิจที่อยู่ภายในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ รวมไปถึงการกำหนดลูกค้าในแต่ละประเภทของแต่ละธุรกิจ โดยปัจจัยด้านอุปทานจะมีความสัมพันธ์กับปัจจัยด้านอุปสงค์ ซึ่งอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์นี้ อุปสงค์จะเป็นตัวกำหนดอุปทาน ซึ่งปัจจัยด้านอุปสงค์จะมีอิทธิพลต่อกระบวนการผลิต ซึ่งการผลิตนั้นจะต้องมีการตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนการพัฒนาทางด้านอุปทาน จะทำให้เกิดการกระตุ้นความต้องการให้เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ในส่วนของโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนจากต่างประเทศ ดังนั้นผู้ประกอบการส่วนนี้จะเป็นผู้กำหนดทิศทางในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยการผลิตจักรยานยนต์แต่ละรุ่น/แบบ ในแต่ละยี่ห้อ ผู้ประกอบรถจักรยานยนต์จะเป็นผู้สำรวจความต้องการของตลาด แล้วจึงประเมินความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนที่ได้ออกแบบจากนั้นจะนำสินค้าออกจัดจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันนี้ ผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่ใช้ในการส่งเข้าโรงงานประกอบจักรยานยนต์มีแนวโน้มที่จะออกแบบร่วมกับผู้ประกอบรถจักยานยนต์มากยิ่งขึ้นซึ่งผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่ได้รับโอกาสเหล่านี้จะต้องมีความรู้จักอย่างใกล้ชิดกับผู้ประกอบรถจักรยานยนต์โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการจากต่างประเทศ

เนื่องจากการผลิตรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจใหญ่ มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง การลงทุนใช้เงินจำนวนมาก และเป็นการลงทุนโดยบริษัทขนาดใหญ่ อาทิ ฮอนด้า ยามาฮ่า ดังนั้นในการตั้งฐานการผลิต กลุ่มบริษัทเหล่านี้จึงจะเข้าไปพร้อมกับกลุ่มธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ดังนั้นอุตสาหกรรมสนับสนุนในกลุ่มนี้จึงไม่มีปัญหา แต่ส่วนมากจะผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ และผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่แท้ ส่วนใหญ่จะไม่จำหน่ายปลีก เพราะเท่าที่ต้องทำส่งให้โรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ก็ใช้ศักยภาพโรงงานเต็มจำนวนแล้ว ดังนั้นหากได้ลูกค้าเป็นบริษัทผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ก็แทบจะไม่ต้องจำหน่ายปลีกเลย แต่กรณีจำหน่ายปลีก หากมีโรงงานในประเทศเวียดนาม สามารถจำหน่ายตรงสู่ผู้บริโภค หรือร้านค้าย่อยได้ แต่หากเป็นการนำเข้าจะต้องจำหน่ายผ่านตัวแทนเท่านั้น


จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค (SWOT) ของสินค้าไทย


จุดแข็ง

จุดอ่อน

    • อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ของไทยมีปริมาณทางด้านเศรษฐกิจที่ใหญ่โดยมีรถจักรยานยนต์ที่ใช้งานอยู่กว่า 12 ล้านคัน และมีการเชื่อมโยงธุรกิจอย่างครบวงจร ตั้งแต่ในส่วนกระบวนการผลิต ส่วนการจัดจำหน่าย และส่วนบริการหลังการขาย ทำให้ชิ้นส่วนจักรยานยนต์มีความต้องการที่สูงตามไปด้วย ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการประกอบจักรยานยนต์ และการบำรุงรักษาซ่อมแซม
    • มีโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่รวมกันในบริเวณเขต กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะเขตภาคตะวันออก ซึ่งมีจำนวนโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ ตั้งอยู่มากกว่าร้อยละ 60 ของทั้งประเทศ (180 ราย จากทั่วประเทศ 300 ราย)
    • มีการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มที่หลากหลาย และมีจำนวนความ ต้องการที่มากพอต่อการลงทุน เช่น กลุ่มรถจักรยานยนต์ตกแต่ง กลุ่มรถจักรยานยนต์สำหรับแข่งขันหรือ กลุ่มลูกค้าที่ต้องการชิ้นส่วนคุณภาพสูงและมีนวัตกรรม ซึ่งมีทั้งที่อยู่ในและต่างประเทศ เป็นต้น
    • ผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่มีการผลิตในประเทศไทย ได้รับการยอมรับจากลูกค้าในภูมิภาค  ทั้งด้านคุณภาพ การออกแบบ และราคา
    • มีกำลังการผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์สูงกว่าปริมาณความต้องการภายในประเทศ จึงมีกำลังการผลิตเหลือสำหรับส่งออกได้
    • มีบริษัทผลิตรถจักรยานยนต์ตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ทำให้ได้รับการถ่ายทอดการบริหารจัดการการผลิตจากบริษัทประกอบรถจักรยานยนต์นั้น
          • เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ ต้องมีการช่วยเหลือจากต่างประเทศ
          • การทำวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมทางด้านผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์มีน้อย
          • มาตรฐานการผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ของประเทศไทย มีคุณภาพในการผลิตยังต่ำ และไม่สม่ำเสมอ อีกทั้งต้นทุนต่อหน่วยสูง
          • มีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในการเป็นแหล่งป้อนวัตถุดิบที่มีคุณภาพและศักยภาพได้น้อยกว่าความ ต้องการในการเลือกใช้
          • ผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์โดยเฉพาะในส่วนของการผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ เพื่อนำไปประกอบรถจักรยานยนต์ มีชื่อตราสินค้าของตัวเองน้อย
          • ผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ในประเทศไทย มีข้อจำกัดในการติดต่อสื่อสารกับต่าง ประเทศ ขาดการวางแผนทางธุรกิจ รวมถึงการนำระบบการบริหารการจัดการสมัยใหม่ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ปรับปรุงและพัฒนาองค์กร
          • ไม่มีหน่วยงานและ อุปกรณ์ เครื่องมือ ด้านการให้บริการตรวจสอบและทดสอบผลิตภัณฑ์ ชิ้นส่วน จักรยานยนต์ ทำให้มีข้อจำกัดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนจักรยานยนต์นั้น
          • ขาดแรงงานการผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ในเชิงคุณภาพโดยเฉพาะในส่วนของช่างเทคนิค
          • ประเทศไทยไม่ได้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ ซึ่งการ พัฒนา ออกแบบผลิตภัณฑ์เป็นของบริษัทต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถกำหนดทิศทาง การลงทุนการตลาดเองได้ ต้องพึ่งพานโยบายจากบริษัทแม่และผู้ประกอบการที่เป็นของ คนไทยเองต้อง จำยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ของผู้ประกอบการจากต่างประเทศ ดังนั้นผล ประโยชน์ที่ได้จาก อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์จะตกอยู่กับคนต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่

              โอกาส

              อุปสรรค

                  • รัฐบาลมีการเปิดนโยบายการค้าเสรี (Free Trade Area : FTA) ทำให้บริษัทประกอบรถจักรยานยนต์มีการย้ายฐานการผลิตมาในประเทศไทยมากขึ้น
                  • ประเทศไทยมียุทธศาสตร์ในการให้อุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์เป็นหนึ่งใน อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตในเอเชีย ทำให้เกิดโครงการเพื่อการ พัฒนาอุตสาหกรรมด้านยานยนต์อย่างต่อเนื่อง
                  • รัฐบาลมีการกำหนดนโยบายที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถในภาคการ ผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะในส่วนของ SMEs ที่เป็นรากหญ้าของอุตสาหกรรมของประเทศ โดยใช้เครือข่ายวิสาหกิจของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม
                  • มีโอกาส ขยายตลาดผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ไปสู่กลุ่มลูกค้าต่างประเทศในรูปแบบ ของผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยี และเป็นผู้ลงทุน หรือร่วมลงทุนในประเทศที่อยู่ในภูมิภาคใกล้เคียง
                  • ตลาดผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ในประเทศมีขนาดใหญ่ และมีอัตราการเติบโตใน ระดับสูง
                  • ประเทศไทยมีความร่วมมือในโครงการ AICO (Asean Industrial Cooperation) และ AFTA (Asean Free Trade Area) โดยรัฐบาลสนับสนุนอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ให้มีขีด ความสามารถใน การแข่งขันสูงขึ้น ทำให้โอกาสในการส่งออกของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจักรยานยนต์ ไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศอื่นๆ จึงมีแนวโน้มสูงขึ้น
                  • รัฐบาลมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ โดยให้บริษัทเอกชนเข้ามามี ส่วนร่วม ในการเป็นเจ้าของด้านการพัฒนาบุคลากร ด้านการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม หรือกองทุนร่วมลงทุนต่าง ๆ
                  • มีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ โดยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน อินโดจีนและเชื่อมกับเอเชียใต้ด้วย  ทำให้ประเทศไทยเหมาะที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ของภูมิภาค
                        • อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ทั้งวงจร ตั้งแต่การผลิต การขาย และการบริการอยู่ในการ ครอบครอง และควบคุมของบริษัทจากต่างประเทศ ซึ่งบริษัทแม่ในต่างประเทศ เป็นผู้กำหนดนโยบาย และ มาตรการในการดำเนินกิจการ ทำให้มีโอกาสย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศจีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน ได้ดำเนินนโยบายเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ด้วยนโยบายที่ เอื้อต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ ดังนั้นผู้ประกอบการที่อยู่ในประเทศไทยหรือจะเข้ามาลงทุนใน ประเทศไทย อาจย้ายฐานการผลิตจากประเทศไทยไปยังประเทศดังกล่าวได้
                        • คนไทยมีค่านิยมที่จะใช้สินค้าที่มีตราสินค้าจากต่างประเทศ
                        • อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์การแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น
                        • จากปัญหาความไม่สงบและไม่มั่นคงทางการเมืองในประเทศของไทย ตั้งแต่ปี 2549 มีการ เปลี่ยนรัฐบาลหลายครั้ง ทำให้เกิดความไม่ต่อเนื่องในเชิงนโยบายจากภาครัฐ การพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และการพาณิชย์ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลแต่ละสมัย ส่งผลต่อการพัฒนาของอุตสาหกรรม ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่ไม่มีทิศทางที่แน่นอน เปลี่ยนแปลงตามนโยบายของรัฐบาลแต่ละสมัยตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

                        ไม่มีความคิดเห็น:

                        แสดงความคิดเห็น