ที่มาhttp://www.mcot.net/site/content?id=5168dcf0150ba05c51000027#.UXXGUaLEE4c
ศ.ปราโมทย์ ประสาทกุล อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสถานการณ์ของผู้สูงอายุไทยว่า ปัจจุบันประชากรของประเทศ ไม่รวมแรงงานข้ามชาติ มีจำนวน 64.5 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.2546 คือบุคคลซึ่งมีอายุเกินกว่า 60 ปีบริบูรณ์จำนวน 8.3 ล้านคน หรือร้อยละ 13 ของประชากรทั้งหมด แต่หากนับที่อายุ 65 ปีขึ้นไปเหมือนหลายประเทศ จะมีจำนวน 5.8 ล้านคน หรือร้อยละ 9 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วพบว่าประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุมากที่สุดในกลุ่มอาเซียน ใกล้เคียงกับสิงคโปร์ที่มีประชากรอายุ 65 ปี ร้อยละ 9 ตามด้วยเวียดนาม ร้อยละ 7 อินโดนีเซีย ร้อยละ 6
ศ.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์การผู้สูงวัยของประเทศขณะนี้สูงขึ้นเร็วมาก ขณะที่จำนวนประชากร จะไม่เพิ่ม หรือช้า แต่ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5 ต่อปี ดังนั้นอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีประชากร อายุ 60 ปีขึ้นไปถึง 13 ล้านคน หรือร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมดในขณะนั้น ส่วนอายุ 65 ปี จะมี 9 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 14 ของประชากรไทย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หน่วยงานต่างๆ ก็ตื่นตัวขึ้นมาก แต่ต้องเร่งด่วนเพื่อรองรับให้ทันสถานการณ์
“กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สาธารณสุข มหาดไทย มีหลายโครงการ แต่ที่ต้องให้ความสนใจและเตรียมภาวะสูงวัยในอนาคต คือ กลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องอยู่ตามลำพัง หรืออยู่กับสามีภรรยาที่สูงอายุด้วยกัน เพราะลูกไปมีครอบครัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อยู่ในเมืองจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาก ควรเตรียมระบบเฝ้าระวัง ดูแลให้ความช่วยเหลือ ทั้งสิ่งก่อสร้างสาธารณะต่างๆ ถนนหนทาง ห้องที่สร้างเอื้อต่อผู้สูงอายุ รวมถึงระบบการให้ข่าวสารความรู้ให้ทันต่อโลก ไม่ตกเป็นเหยื่อการหลอกลวง และเรื่องสุขภาพ เพราะจะมีโรคหรือความพิการ อันเนื่องมาจากการเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นมาก เช่น อัลไซเมอร์ หลอดเลือด หัวใจ ไขข้อหรือกระดูกต่างๆ ที่เป็นโรคของผู้สูงอายุ” ศ.ปราโมทย์ กล่าว . - สำนักข่าวไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น